เที่ยวดี มีคืน 2568! โอกาสดีของผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว
เที่ยวดี มีคืน 2568 โอกาสดีของผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว โรงแรม และร้านอาหาร
24/10/2025
SME ใช้เพียงหนังสือรับรองบริษัท สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ Leceipt ได้ฟรี 6 เดือน
SME ใช้เพียงหนังสือรับรองบริษัท สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ Leceipt ได้ฟรี 6 เดือน
30/10/2025
เที่ยวดี มีคืน 2568! โอกาสดีของผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว
เที่ยวดี มีคืน 2568 โอกาสดีของผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว โรงแรม และร้านอาหาร
24/10/2025
SME ใช้เพียงหนังสือรับรองบริษัท สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ Leceipt ได้ฟรี 6 เดือน
SME ใช้เพียงหนังสือรับรองบริษัท สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ Leceipt ได้ฟรี 6 เดือน
30/10/2025

FAQ เกี่ยวกับโครงการ “เที่ยวดี มีคืน 2568”

โครงการเที่ยวดี มีคืน 2568 เพื่อสนับสนุนภาษีการท่องเที่ยวบุคคลธรรมดาและ มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมนาภายในประเทศ สำหรับนิติบุคคล

คำถาม คำตอบ Q&A โครงการเที่ยวดี มีคืน 2568 มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว สำหรับบุคคลธรรมดา

1มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว (สำหรับบุคคลธรรมดา) เป็นการให้สิทธิประโยชน์อะไร

ให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่ นิติบุคคลสามารถนำค่าที่พักในโรงแรม (ตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม) ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย หรือค่าที่พัก ในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม และค่าบริการของร้านอาหาร ที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2568 ในการเดินทางท่องเที่ยว ในประเทศ มาหักลดหย่อนตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท ดังนี้


  • 10,000 บาทแรก สำหรับค่าที่พักหรือค่าบริการของร้านอาหารที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่อยู่ ในรูปแบบกระดาษหรือ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice)
  • อีก 10,000 บาท สำหรับค่าที่พักหรือค่าบริการของร้านอาหารที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) เท่านั้น

โดยผู้มีเงินได้ดังกล่าวสามารถหักลดหย่อนได้ ดังนี้

  • กรณีเป็นการจ่ายค่าที่พักหรือค่าบริการของร้านอาหารในจังหวัดท่องเที่ยวรอง หักลดหย่อนได้ 1.5 เท่า เช่น จ่ายค่าที่พักหรือค่าบริการของร้านอาหารในจังหวัดท่องเที่ยวรอง 10,000 บาท หักลดหย่อนได้ 15,000 บาท
  • กรณีเป็นการจ่ายค่าที่พักหรือค่าบริการของร้านอาหารในจังหวัดอื่นนอกจากจังหวัดท่องเที่ยวรอง หักลดหย่อนได้ 1 เท่า เช่น จ่ายค่าที่พักหรือค่าบริการของร้านอาหารในจังหวัดอื่นนอกจากจังหวัด ท่องเที่ยวรอง 10,000 บาท หักลดหย่อนได้ 10,000 บาท ทั้งนี้ จังหวัดท่องเที่ยวรองประกอบด้วยจังหวัด 55 จังหวัดและบางอำเภอในจังหวัดอีก 15 จังหวัด
2ตัวอย่างการคำนวณการใช้สิทธิตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว (สำหรับบุคคลธรรมดา)
ในระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2568 นาย A ได้เข้าพักในโรงแรมและใช้บริการ ร้านอาหารของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและมีค่าใช้จ่าย ดังนี้
  1. ค่าที่พักและค่าบริการของร้านอาหารในจังหวัดท่องเที่ยวรอง 6,000 บาท และได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปในรูปแบบกระดาษ
  2. ค่าที่พักและค่าบริการของร้านอาหารในจังหวัดท่องเที่ยวรอง 4,000 บาท และได้รับใบกำกับภาษี แบบเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice)
  3. ค่าที่พักและค่าบริการของร้านอาหารในจังหวัดอื่นนอกจากจังหวัดท่องเที่ยวรอง 5,000 บาท และได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปในรูปแบบกระดาษ
  4. ค่าที่พักและค่าบริการของร้านอาหารในจังหวัดอื่นนอกจากจังหวัดท่องเที่ยวรอง 7,000 บาท และได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice)
นาย A สามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาหักลดหย่อนได้ดังนี้ (ตามสมมุติฐานว่า นาย A ต้องการหักลดหย่อนได้สูงสุด)
  1. รวมค่าใช้จ่ายที่ได้รับใบกำกับภาษีในรูปแบบกระดาษ ตามข้อ (1) + (3) เป็นจำนวน 6,000 + 5,000 = 11,000 บาท ซึ่งเกินวงเงิน 1,000 บาท นำส่วนที่เกินไปหักออกจากข้อ (3) จะหักลดหย่อนได้ 1.5(6,000) + 1(4,000) = 9,000 + 4,000 = 13,000 บาท
  2. รวมค่าใช้จ่ายที่ได้รับใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามข้อ (2) + (4) เป็นจำนวน 4,000 + 7,000 = 11,000 บาท ซึ่งเกินวงเงิน 1,000 บาท นำส่วนที่เกินไปหักออกจากข้อ (4) จะหักลดหย่อนได้ 1.5(4,000) + 1(6,000) = 6,000 + 6,000 = 12,000 บาท ดังนั้น นาย A สามารถหักลดหย่อนได้รวม 13,000 + 12,000 = 25,000
3จังหวัดท่องเที่ยวรองมีกี่จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดใดบ้าง
จังหวัดท่องเที่ยวรองมีดังนี้
  1. พื้นที่ทั้งจังหวัด 55 จังหวัด
    1. ภาคเหนือ 16 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สุโขทัย ลำพูน อุตรดิตถ์ ลำปาง แม่ฮ่องสอน พิจิตร แพร่ น่าน กำแพงเพชร อุทัยธานี และพะเยา
    2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี อุบลราชธานี หนองคาย เลย มุกดาหาร บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุรินทร์ สกลนคร นครพนม ร้อยเอ็ด มหาสารคาม บึงกาฬ กาฬสินธุ์ ยโสธร หนองบัวลำภู และอำนาจเจริญ
    3. ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก 12 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี สุพรรณบุรี นครนายก สระแก้ว ตราด จันทบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม ปราจีนบุรี ชัยนาท อ่างทอง และสิงห์บุรี
    4. ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล ชุมพร ระนอง นราธิวาส ยะลา และปัตตานี

  2. พื้นที่บางอำเภอใน 15 จังหวัด
    1. จังหวัดกระบี่ อำเภอเขาพนม อำเภอปลายพระยา และอำเภอลำทับ
    2. จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอท่าม่วง อำเภอท่ามะกา อำเภอบ่อพลอย อำเภอพนมทวน อำเภอเลาขวัญ อำเภอหนองปรือ อำเภอห้วยกระเจา
    3. จังหวัดขอนแก่น อำเภอกระนวน อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอโคกโพธิ์ชัย อำเภอชนบท อำเภอชุมแพ อำเภอซำสูง อำเภอน้ำพอง อำเภอโนนศิลา อำเภอบ้านไผ่ อำเภอบ้านฝาง อำเภอบ้านแฮด อำเภอเปือยน้อย อำเภอพระยืน อำเภอพล อำเภอภูผาม่าน อำเภอภูเวียง อำเภอมัญจาคีรี อำเภอเวียงเก่า อำเภอแวงน้อย อำเภอแวงใหญ่ อำเภอสีชมพู อำเภอหนองนาคำ อำเภอหนองเรือ อำเภอหนองสองห้อง อำเภออุบลรัตน์
    4. จังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอคลองเขื่อน อำเภอท่าตะเกียบ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว อำเภอแปลงยาว อำเภอราชสาสน์ อำเภอสนามชัยเขต
    5. จังหวัดชลบุรี อำเภอเกาะจันทร์ อำเภอบ่อทอง อำเภอบ้านบึง อำเภอพนัสนิคม อำเภอพานทอง อำเภอหนองใหญ่
    6. จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอกัลยาณิวัฒนา อำเภอไชยปราการ อำเภอดอยเต่า อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอดอยหล่อ อำเภอพร้าว อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่แตง อำเภอแม่วาง อำเภอแม่อาย อำเภอเวียงแหง อำเภอสะเมิง อำเภอสันทราย อำเภอสันป่าตอง อำเภอสารภี อำเภออมก๋อย อำเภอฮอด
    7. จังหวัดนครราชสีมา อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอขามทะเลสอ อำเภอขามสะแกแสง อำเภอคง อำเภอครบุรี อำเภอจักราช อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอชุมพวง อำเภอโชคชัย อำเภอด่านขุนทด อำเภอเทพารักษ์ อำเภอโนนแดง อำเภอโนนไทย อำเภอโนนสูง อำเภอบัวลาย อำเภอบัวใหญ่ อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอประทาย อำเภอปักธงชัย อำเภอพระทองคำ อำเภอพิมาย อำเภอเมืองยาง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอสีคิ้ว อำเภอสีดา อำเภอสูงเนิน อำเภอเสิงสาง อำเภอหนองบุญมาก อำเภอห้วยแถลง
    8. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอกุยบุรี อำเภอทับสะแก อำเภอ บางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย
    9. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอบางซ้าย อำเภอบางบาล อำเภอบางปะหัน อำเภอบ้านแพรก อำเภอผักไห่ อำเภอภาชี อำเภอมหาราช อำเภอลาดบัวหลวง อำเภอวังน้อย อำเภอเสนา อำเภออุทัย
    10. จังหวัดพังงา อำเภอเมืองพังงา อำเภอเมืองบางปะกง อำเภอคุระบุรี อำเภอทับปุด อำเภอท้าย เหมือง อำเภอเกาะยาว อำเภอตะกั่วทุ่ง
    11. จังหวัดเพชรบุรี อำเภอบ้านลาด อำเภอหนองหญ้าปล้อง
    12. จังหวัดระยอง อำเภอเขาชะเมา อำเภอนิคมพัฒนา อำเภอบ้านค่าย อำเภอบ้านฉาง อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์
    13. จังหวัดสงขลา อำเภอเมืองสงขลา อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอคลองหอยโข่ง อำเภอควนเนียง อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี อำเภอนาหม่อม อำเภอบางกล่ำ อำเภอระโนด อำเภอรัตภูมิ อำเภอสทิงพระ อำเภอสะเดา อำเภอสะบ้าย้อย อำเภอสิงหนคร
    14. จังหวัดสระบุรี อำเภอแก่งคอย อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอดอนพุด อำเภอบ้านหมอ อำเภอวังม่วง อำเภอวิหารแดง อำเภอหนองแค อำเภอหนองแซง อำเภอหนองโดน
    15. จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอคีรีรัฐนิคม อำเภอเคียนซา อำเภอชัยบุรี อำเภอไชยา อำเภอดอนสัก อำเภอท่าฉาง อำเภอท่าชนะ อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอบ้านนาสาร อำเภอพระแสง อำเภอพุนพิน อำเภอวิภาวดี อำเภอเวียงสระ
4โฮมสเตย์ไทยที่เข้าข่ายตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ (สำหรับบุคคล ธรรมดา) คือโฮมสเตย์ไทยใดบ้าง
โฮมสเตย์ตามประกาศกรมการท่องเที่ยว เรื่อง รายชื่อโฮมสเตย์ที่ได้รับรองมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อโฮมเสตย์ได้ที่ https://www.dot.go.th/news/inform/detail/7918 และโฮมสเตย์นั้นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร
5ค่าบริการของร้านอาหารคือค่าใช้จ่ายใด
  1. ค่าอาหาร
  2. ค่าเครื่องดื่ม
  3. ค่าบริการอื่น ๆ ในการใช้บริการของร้านอาหาร เช่น Service Charge
6ค่าบริการของร้านอาหารรวมค่าสุรา เบียร์ และไวน์หรือไม่
รวมค่าสุรา เบียร์ และไวน์
7ร้านอาหารต้องเป็นร้านอาหารในโรงแรมที่พักหรือไม่
เป็นร้านอาหารใดก็ได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นร้านอาหารในโรงแรมที่พัก และไม่จำเป็นต้องมีการพักในโรงแรม โฮมสเตย์ หรือสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมจึงสามารถหักลดหย่อนค่าบริการของร้านอาหาร การท่องเที่ยว โดยไม่มีการเข้าพักดังกล่าว ก็สามารถหักลดหย่อนค่าบริการของร้านอาหารได้เช่นกัน
8ผู้มีเงินได้สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวที่สามารถออก e-Tax Invoice ได้จากที่ใด
สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร https://etax.rd.go.th/ETAXSEARCH/
9e-Tax Invoice คืออะไร และแตกต่างจากใบกำกับภาษีในรูปแบบกระดาษอย่างไร และระบบใบกำกับ ภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) กับระบบการขอทำใบกำกับภาษีโดยการประทับรับรองเวลา (e-Tax Invoice by Time Stamp) แตกต่างกันอย่างไร
e-Tax Invoice คือ ใบกำกับภาษีที่ได้มีการจัดทำข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ผู้มีเงินได้ ไม่ต้องเก็บรักษาใบกำกับภาษีและไม่ต้องจัดส่งให้กรมสรรพากรในการใช้สิทธิตามมาตรการภาษีนี้ โดยสามารถใช้ข้อมูล e-Tax Invoice ในฐานข้อมูลของกรมสรรพากรในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี และ เจ้าหน้าที่จะไม่ขอให้ส่งใบกำกับภาษีอีก

ระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) กับระบบการขอทำใบกำกับภาษีโดยการประทับ รับรองเวลา (e-Tax Invoice by Time Stamp) แตกต่างกันที่วิธีการจัดทำและการนำส่ง e-Tax Invoice แต่ e-Tax Invoice ที่จัดทำจากทั้ง 2 ระบบสามารถเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิตามมาตรการ ภาษีนี้
10ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถสมัคร e-Tax Invoice ได้อย่างไร
ผู้ประกอบการสามารถสมัคร e-Tax Invoice ได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร หรือที่ https://etax.rd.go.th ในกรณีที่ผู้ประกอบการต้องการสมัคร e-Tax Invoice by Time Stamp สามารถสมัครได้ที่เว็บไซต์ของ กรมสรรพากรเช่นกัน
11ผู้มีเงินได้สามารถขอ e-Tax Invoice จากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร
หากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับอนุมัติให้ออก e-Tax Invoice จากกรมสรรพากร ผู้มีเงินได้สามารถแจ้งความประสงค์ต่อผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ออก e-Tax Invoice
12ต้องใช้หลักฐานใดในการใช้สิทธิตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ (สำหรับ บุคคลธรรมดา)
หลักฐานที่ใช้ คือ ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรในรูปแบบกระดาษหรือ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ซึ่งรวมถึง e-Tax invoice by Time Stamp ทั้งนี้ ใบกำกับ ภาษีต้องระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน) ของผู้มีเงินได้และต้องมี วัน เดือน ปีที่เข้าพักหรือรับบริการจากร้านอาหาร และจังหวัดที่ที่พักหรือร้านอาหารตั้งอยู่
13ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรที่นำมาใช้เป็นหลักฐานในการหัก ลดหย่อนหมายถึงอะไร
ใบกำกับภาษีที่มีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้
  1. คำว่า "ใบกำกับภาษี" ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด
  2. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ออก ใบกำกับภาษี
  3. ชื่อ ที่อยู่ ของผู้รับบริการ
  4. หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี)
  5. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของบริการ
  6. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของบริการให้ชัดแจ้ง
  7. วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี
  8. ข้อความอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด เช่น คำว่าเอกสารออกเป็นชุด สำเนาใบกำกับภาษี ทั้งนี้ ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปทั้งในรูปแบบกระดาษและในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ต้องมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน) ของผู้มีเงินได้ และต้องมีวัน เดือน ปี ที่เข้าพักหรือรับบริการจากร้านอาหาร และจังหวัดที่ที่พักหรือร้านอาหารตั้งอยู่ด้วย
1มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พักเป็นการให้สิทธิประโยชน์อะไร

ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่ เกี่ยวข้องในการอบรมสัมมนาภายในประเทศที่จัดขึ้นให้แก่ลูกจ้าง และค่าบริการของผู้ประกอบธุรกิจ นำเที่ยวที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนําเที่ยวและมัคคุเทศก์เพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าว ที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2568 และได้รับใบกํากับภาษีแบบเต็มรูป ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) เว้นแต่ค่าขนส่ง จะจ่ายให้แก่ผู้มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ และต้องได้รับใบรับตามมาตรา 105 แห่ง ประมวลรัษฎากร ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยสิทธิประโยชน์ทางภาษีมีรายละเอียด ดังนี้

  1. หักรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง สําหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในจังหวัดท่องเที่ยวรอง
  2. หักรายจ่ายได้ 1.5 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง สําหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในท้องที่อื่นนอกจาก ท้องที่ตามข้อ 1.
  3. ในกรณีที่การจัดอบรมสัมมนาครั้งหนึ่ง ๆ เกิดขึ้นในท้องที่ตามข้อ 1. และข้อ 2. ต่อเนื่องกัน ให้หักรายจ่ายที่สามารถแยกได้ว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใดตามข้อ 1. หรือข้อ 2. แล้วแต่กรณี และให้หักรายจ่าย ที่ไม่สามารถแยกได้ว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใดได้ 1.5 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
ตัวอย่าง

หากผู้ประกอบการจัดอบรมสัมมนา 3 วัน โดยจัด 2 วันแรกในอําเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และอีก 1 วันในจังหวัดลําปาง จังหวัดท่องเที่ยวรอง) สามารถหักรายจ่ายได้ดังนี้

  • หักรายจ่ายได้ 2 เท่า สําหรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นในจังหวัดลําปาง
  • หักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า สําหรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่
  • หักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า สําหรับรายจ่ายที่ไม่สามารถแยกได้แน่ชัดว่าเกิดขึ้นในพื้นที่ใด เช่น ค่าเดินทางรวมตลอดโครงการ

ทั้งนี้ จังหวัดท่องเที่ยวรองประกอบด้วยจังหวัด 55 จังหวัดและบางอําเภอในจังหวัดอีก 15 จังหวัด

2จังหวัดท่องเทียวรองมีกี่จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดใดบ้าง
จังหวัดท่องเที่ยวรองมีดังนี้ จังหวัดท่องเที่ยวรองมีดังนี้
  1. พื้นที่ทั้งจังหวัด 55 จังหวัด
    1. ภาคเหนือ 16 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สุโขทัย ลำพูน อุตรดิตถ์ ลำปาง แม่ฮ่องสอน พิจิตร แพร่ น่าน กำแพงเพชร อุทัยธานี และพะเยา
    2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี อุบลราชธานี หนองคาย เลย มุกดาหาร บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุรินทร์ สกลนคร นครพนม ร้อยเอ็ด มหาสารคาม บึงกาฬ กาฬสินธุ์ ยโสธร หนองบัวลำภู และอำนาจเจริญ
    3. ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก 12 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี สุพรรณบุรี นครนายก สระแก้ว ตราด จันทบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม ปราจีนบุรี ชัยนาท อ่างทอง และสิงห์บุรี
    4. ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล ชุมพร ระนอง นราธิวาส ยะลา และปัตตานี

  2. พื้นที่บางอำเภอใน 15 จังหวัด
    1. จังหวัดกระบี่ อำเภอเขาพนม อำเภอปลายพระยา และอำเภอลำทับ
    2. จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอท่าม่วง อำเภอท่ามะกา อำเภอบ่อพลอย อำเภอพนมทวน อำเภอเลาขวัญ อำเภอหนองปรือ อำเภอห้วยกระเจา
    3. จังหวัดขอนแก่น อำเภอกระนวน อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอโคกโพธิ์ชัย อำเภอชนบท อำเภอชุมแพ อำเภอซำสูง อำเภอน้ำพอง อำเภอโนนศิลา อำเภอบ้านไผ่ อำเภอบ้านฝาง อำเภอบ้านแฮด อำเภอเปือยน้อย อำเภอพระยืน อำเภอพล อำเภอภูผาม่าน อำเภอภูเวียง อำเภอมัญจาคีรี อำเภอเวียงเก่า อำเภอแวงน้อย อำเภอแวงใหญ่ อำเภอสีชมพู อำเภอหนองนาคำ อำเภอหนองเรือ อำเภอหนองสองห้อง อำเภออุบลรัตน์
    4. จังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอคลองเขื่อน อำเภอท่าตะเกียบ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว อำเภอแปลงยาว อำเภอราชสาสน์ อำเภอสนามชัยเขต
    5. จังหวัดชลบุรี อำเภอเกาะจันทร์ อำเภอบ่อทอง อำเภอบ้านบึง อำเภอพนัสนิคม อำเภอพานทอง อำเภอหนองใหญ่
    6. จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอกัลยาณิวัฒนา อำเภอไชยปราการ อำเภอดอยเต่า อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอดอยหล่อ อำเภอพร้าว อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่แตง อำเภอแม่วาง อำเภอแม่อาย อำเภอเวียงแหง อำเภอสะเมิง อำเภอสันทราย อำเภอสันป่าตอง อำเภอสารภี อำเภออมก๋อย อำเภอฮอด
    7. จังหวัดนครราชสีมา อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอขามทะเลสอ อำเภอขามสะแกแสง อำเภอคง อำเภอครบุรี อำเภอจักราช อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอชุมพวง อำเภอโชคชัย อำเภอด่านขุนทด อำเภอเทพารักษ์ อำเภอโนนแดง อำเภอโนนไทย อำเภอโนนสูง อำเภอบัวลาย อำเภอบัวใหญ่ อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอประทาย อำเภอปักธงชัย อำเภอพระทองคำ อำเภอพิมาย อำเภอเมืองยาง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอสีคิ้ว อำเภอสีดา อำเภอสูงเนิน อำเภอเสิงสาง อำเภอหนองบุญมาก อำเภอห้วยแถลง
    8. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอกุยบุรี อำเภอทับสะแก อำเภอ บางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย
    9. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอบางซ้าย อำเภอบางบาล อำเภอบางปะหัน อำเภอบ้านแพรก อำเภอผักไห่ อำเภอภาชี อำเภอมหาราช อำเภอลาดบัวหลวง อำเภอวังน้อย อำเภอเสนา อำเภออุทัย
    10. จังหวัดพังงา อำเภอเมืองพังงา อำเภอเมืองบางปะกง อำเภอคุระบุรี อำเภอทับปุด อำเภอท้าย เหมือง อำเภอเกาะยาว อำเภอตะกั่วทุ่ง
    11. จังหวัดเพชรบุรี อำเภอบ้านลาด อำเภอหนองหญ้าปล้อง
    12. จังหวัดระยอง อำเภอเขาชะเมา อำเภอนิคมพัฒนา อำเภอบ้านค่าย อำเภอบ้านฉาง อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์
    13. จังหวัดสงขลา อำเภอเมืองสงขลา อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอคลองหอยโข่ง อำเภอควนเนียง อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี อำเภอนาหม่อม อำเภอบางกล่ำ อำเภอระโนด อำเภอรัตภูมิ อำเภอสทิงพระ อำเภอสะเดา อำเภอสะบ้าย้อย อำเภอสิงหนคร
    14. จังหวัดสระบุรี อำเภอแก่งคอย อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอดอนพุด อำเภอบ้านหมอ อำเภอวังม่วง อำเภอวิหารแดง อำเภอหนองแค อำเภอหนองแซง อำเภอหนองโดน
    15. จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอคีรีรัฐนิคม อำเภอเคียนซา อำเภอชัยบุรี อำเภอไชยา อำเภอดอนสัก อำเภอท่าฉาง อำเภอท่าชนะ อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอบ้านนาสาร อำเภอพระแสง อำเภอพุนพิน อำเภอวิภาวดี อำเภอเวียงสระ
3ห้องพักและห้องสัมมนาต้องอยู่ที่เดียวกันหรือไม่
ไม่จําเป็นต้องอยู่ที่เดียวกัน
4รายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในการอบรมสัมมนาคือรายจ่ายใด
ค่าใช้จ่ายเพื่อการจัดการ ค่าวิทยากร และค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการอบรมสัมมนา เช่น ค่าเอกสาร ประกอบการอบรม ค่าจ้างถ่ายเอกสาร ค่าบันทึกภาพและเสียง ค่าจัดทําสื่อที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรม
5ผู้ต้องการใช้สิทธิสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการที่สามารถออก e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้จากที่ใด
สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร https://etax.rd.go.th/ETAXSEARCH/
6e-Tax Invoice และ e-Receipt คืออะไร และแตกต่างจากใบกํากับภาษีและใบรับในรูปแบบกระดาษ อย่างไร และระบบใบกํากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) กับระบบการขอทําใบกํากับภาษีโดยการประทับรับรองเวลา (e-Tax Invoice by Time Stamp) แตกต่างกันอย่างไร

e-Tax Invoice และ e-Receipt คือ ใบกํากับภาษีและใบรับที่ได้มีการจัดทําข้อความขึ้นเป็นข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไม่ต้องเก็บรักษาใบกํากับภาษีและใบรับ และไม่ต้องจัดส่งให้กรมสรรพากร ในการใช้สิทธิหักรายจ่ายตามมาตรการภาษีนี้ โดยสามารถใช้ข้อมูล e-Tax Invoice และ e-Receipt ในฐานข้อมูลของกรมสรรพากรในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี และเจ้าหน้าที่จะไม่ขอให้ส่งใบกํากับภาษี หรือใบรับอีก

ระบบใบกํากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) รองรับทั้ง กรณีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและกรณีไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ระบบการขอทําใบกํากับภาษีโดยการประทับรับรองเวลา (e-Tax Invoice by Time Stamp) รองรับ เฉพาะกรณีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ ในส่วน e-Tax Invoice นั้น ไม่ว่าจัดทําจากระบบใด ก็สามารถเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิตาม มาตรการภาษีนี้

7ผู้ประกอบการสามารถสมัคร e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้อย่างไร

ผู้ประกอบการสามารถสมัคร e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร หรือที่ https://etax.rd.go.th ในกรณีที่ผู้ประกอบการต้องการสมัคร e-Tax Invoice by Time Stamp สามารถ สมัครได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากรเช่นกัน

8ผู้ใช้สิทธิสามารถขอ e-Tax Invoice และ e-Receipt จากผู้ประกอบการได้อย่างไร

หากเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติให้ออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt จากกรมสรรพากร ผู้ใช้สิทธิสามารถแจ้งความประสงค์ต่อผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ออก e-Tax Invoice เว้นแต่ค่าขนส่งสามารถแจ้งความประสงค์ต่อผู้ประกอบการที่มิได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ออก e-Receipt

9ต้องใช้หลักฐานใดในการใช้สิทธิหักรายจ่ายตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนา ภายในประเทศ
หลักฐานที่ใช้ คือ ใบกํากับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice) เว้นแต่ค่าขนส่งที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการที่มิได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ใช้ใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากรที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt)
10ผู้ต้องการใช้สิทธิต้องจัดทําโครงการอบรมสัมมนาหรือไม่
ต้องจัดทําโครงการอบรมสัมมนา โดยมีเอกสารหลักฐานประกอบโครงการ
11ใบกํากับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรที่นํามาใช้เป็นหลักฐานในการหัก รายจ่ายหมายถึงอะไร

ใบกํากับภาษีที่มีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้

  1. คําว่า "ใบกํากับภาษี" ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด
  2. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจําตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ออก ใบกำกับภาษี
  3. ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ
  4. หมายเลขลําดับของใบกํากับภาษี และหมายเลขลําดับของเล่ม (ถ้ามี)
  5. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ
  6. จํานวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คํานวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของ สินค้าและหรือของบริการให้ชัดแจ้ง
  7. วัน เดือน ปี ที่ออกใบกํากับภาษี
  8. ข้อความอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกําหนด เช่น คําว่าเอกสารออกเป็นชุด สําเนาใบกํากับภาษี ทั้งนี้ ใบกํากับภาษีต้องมีเลขประจําตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการด้วย
12ใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากรที่นํามาใช้เป็นหลักฐานในการหักรายจ่ายหมายถึงอะไร คําตอบ ใบรับซึ่งมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้
  1. เลขประจําตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ออกใบรับ
  2. ชื่อหรือยี่ห้อของผู้ออกใบรับ
  3. เลขลําดับของเล่มและของใบรับ
  4. วัน เดือน ปี ที่ออกใบรับ
  5. จํานวนเงินที่รับ
  6. ชนิด ชื่อ จํานวนเงินและราคาสินค้าในกรณีการขายหรือการให้เช่าซื้อสินค้าเฉพาะชนิดที่มีราคาตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป

ทั้งนี้ ใบรับต้องมีชื่อและเลขประจําตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้รับบริการด้วย

ระบบจะส่งใบเสนอราคาให้ทางอีเมล ตลอด 24 ชม. (ใช้เวลาประมาณ 3 นาที)


ติดต่อสอบถามซอฟต์แวร์ Leceipt (e-Tax Invoice & e-Receipt) ได้ที่

เบอร์โทร: 02-107-0999 (เวลา 8.30 น. - 17.30 น. วันจันทร์ - ศุกร์)

LINE OA: @Leceipt

(เวลา 8.30 น. - 17.30 น. วันจันทร์ - ศุกร์)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: Content is protected !!